นี่คือส่วนต่อไปของเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเยซูและหญิงชาวสะมาเรีย สามข้อนี้ให้ข้อมูลเบื้องหลังสำหรับเรื่องราวในส่วนนี้ (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:writing_background)
คำว่า "บัดนี้" ใช้เพื่อทิ้งช่องว่างระหว่างเหตุการณ์หลัก ตอนนี้ยอห์นเริ่มที่จะบอกส่วนใหม่ของบรรยายเรื่องราว
สรรพนามสะท้อนคำว่า "พระเยซู...เอง"เพิ่มความสำคัญว่าพระเยซูไม่ได้เป็นผู้ให้บัพติศมา แต่เป็นสาวกของพระองค์ที่กำลังให้บัพติศมา (ดูที่: /WA-Catalog/en_tm?section=translate#figs-rpronouns)
"บัดนี้พระเยซูกำลังมี...ยอห์น (ไม่ได้...แต่) และพวกฟาริสีได้ยินถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทำสำเร็จ พระองค์รู้ว่าพวกฟาริสีได้ยินเรื่องนี้ พระองค์จึงออกจาก...กาลิลี"
หน้านี้ตั้งใจเว้นว่างไว้
เป็นการขอร้องอย่างสุภาพไม่ใช่คำสั่ง
พระเยซูไม่ได้ขอให้เหล่าสาวกของพระองค์ตักน้ำให้เพราะพวกเขาได้เข้าไปในเมืองแล้ว
คำว่า "พระองค์" หมายถึงพระเยซู
คำกล่าวนี้เกิดขึ้นในรูปของคำถามเพื่อแสดงให้เห็นหญิงชาวสะมาเรียประหลาดใจที่พระเยซูขอน้ำดื่มกับเธอ แปลได้อีกอย่างว่า: "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่าน ผู้เป็นคนยิว กำลังขอน้ำดื่มกับหญิงชาวสะมาเรีย!" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_rquestion)
"ไม่ข้องเกี่ยวด้วย"
พระเยซูใช้คำอุปมา "น้ำแห่งชีวิต" เพื่อบ่งบอกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในผู้นั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงและให้ชีวิตใหม่ (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_metaphor)
:en:bible:questions:comprehension:jhn:04
คำกล่าวนี้เกิดขึ้นในรูปของคำถามเพื่อเพิ่มความสำคัญ แปลได้อีกอย่างว่า: "ท่านไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่ายาโคบบิดาของเรา...ฝูงสัตว์" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_rquestion)
"ยาโคบบรรพบุรุษของเรา"
"ดื่มน้ำที่ออกมาจากบ่อนี้"
:en:bible:questions:comprehension:jhn:04
"จะต้องดื่มน้ำอีกครั้ง"
คำว่า "น้ำพุ" ในที่นี้เป็นภาพเปรียบเทียบที่หมายถึงน้ำแห่งชีวิต คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "น้ำที่เราจะให้แก่เขาจะเป็นน้ำพุแห่งชีวิตแก่เขา" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_metaphor)
ที่นี้ "ชีวิต" หมายถึง "ชีวิตฝ่ายวิญญาณ" ที่พระเจ้าผู้เดียวสามารถมอบให้ได้
ในข้อพระคัมภีร์ หญิงชาวสะมาเรียเรียกพระเยซูว่า "ท่าน" คือการให้เกียรติหรือมารยาท
"เอาน้ำ" หรือ "ดึงน้ำขึ้นมาจากบ่อน้ำ" ใช้เชือกและถัง
พระเยซูพูดคำกล่าวนี้ซ้ำเพื่อย้ำว่าพระองค์รู้ว่าหญิงนั้นกำลังพูดความจริง
ในข้อพระคัมภีร์ หญิงชาวสะมาเรียเรียกพระเยซูว่า "ท่าน" คือการให้เกียรติหรือมารยาท
"ดิฉันเข้าใจแล้วว่าท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ"
"บรรพบุรุษ"
การเชื่อใครสักคนก็คือการเข้าใจในสิ่งที่คนนั้นได้พูดว่าเป็นความจริง
พระเยซูทรงหมายถึงว่าพระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เองและคำบัญชาของพระองค์แก่พวกยิว ไม่ใช่สำหรับพวกชาวสะมาเรีย พวกยิวจะรู้จักพระเจ้าผ่านทางพระคัมภีร์ดีกว่าพวกชาวสะมาเรีย
นี่เป็นชื่อเรียกที่สำคัญของพระเจ้า (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:guidelines_sonofgodprinciples)
ไม่ได้หมายความว่าคนยิวจะช่วยคนอื่นให้รอดจากความบาปของพวกเขา แต่หมายถึงว่าพระเจ้าได้เลือกคนยิวเป็นกลุ่มคนพิเศษของพระองค์ที่จะบอกคนอื่นถึงความรอดของพระองค์ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้จักถึงความรอดของพระเจ้าเพราะคนยิว"
พระเยซูยังสนทนาอยู่กับหญิงชาวสะมาเรีย
"อย่างไรก็ตาม ได้เวลาแล้วสำหรับผู้นมัสการที่แท้จริงที่จะ"
นี่เป็นชื่อเรียกที่สำคัญของพระเจ้า (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:guidelines_sonofgodprinciples)
"นมัสการพระองค์ในแบบที่ถูกต้อง"
ทั้งสองคำหมายถึง "พระเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งพระสัญญา" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ดิฉันรู้ว่าพระเจ้ากษัตริย์แห่งพระสัญญากำลังเสด็จมา"
คำว่า "อธิบายทุกสิ่ง" คำกล่าวนี้มีความหมายเป็นนัยว่า สิ่งที่ทุกคนจะต้องรู้ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระองค์จะบอกทุกสิ่งที่เราต้องรู้แก่เรา" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_explicitinfo)
"ขณะที่พระเยซูกำลังตรัสเรื่องนี้ พวกสาวกของพระองค์ก็กลับมาจากในเมือง"
เป็นเรื่องผิดปกติที่คนยิวจะพูดคุยกับหญิงที่เขาไม่รู้จัก โดยเฉพาะถ้าหญิงคนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย
ความหมายที่เป็นไปได้คือ 1) สาวกถามทั้งสองคำถามกับพระเยซู หรือ 2)"ไม่มีใครถามหญิงนั้นว่า "ต้องการ...อะไร?" หรือ "ทำไม...นาง?"
หญิงชาวสะมาเรียกล่าวเกินความจริง ว่าเธอประทับใจที่พระเยซู รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "มาสิ มาดูชายคนที่รู้ทุกอย่างมากมายเกี่ยวกับฉัน ถึงแม้ว่าฉันไม่เคยพบกับเขามาก่อน" (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_hyperbole)
หญิงคนนี้ไม่แน่ใจว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ เธอจึงถามคำถามที่คาดหวังคำตอบว่า "ไม่ใช่" แต่เธอก็เลือกที่จะถามคำถามแทนการพูดออกมาเพราะเธอต้องให้คนได้ตัดสินใจเลือกสำหรับพวกตัวเขาเอง
"ในขณะที่หญิงนั้นกำลังเข้าไปในเมือง"
"พวกสาวกกำลังบอกกับพระเยซู" หรือ "พวกสาวกกำลังหนุนใจพระเยซู"
ในที่นี้พระเยซูไม่ได้พูดถึง "อาหาร" ตามตัวอักษร แต่เป็นการเตรียมสาวกของพระองค์สำหรับบทเรียนฝ่ายวิญญาณใน ยอห์น 4:34
พวกสาวกคิดว่าพระเยซูกิน "อาหาร" แล้ว พวกเขาเลยเริ่มถามซึ่งกันและกัน โดยคาดหวังว่าจะมีคนบอกว่า "ยัง" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "แน่นอนว่ายังไม่มีใครเอาอาหารมาให้พระองค์ตอนที่เราเข้าไปในเมือง" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_rquestion)
คำว่า "อาหาร" ในที่นี้คือภาพเปรียบเทียบที่หมายถึง "การเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเจ้า" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เช่นเดียวกันกับที่อาหารทำให้คนที่หิวพอใจ การเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเจ้าก็ทำให้เราพอใจ" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_metaphor)
คำว่า "ไร่นา" และ "พร้อมเก็บเกี่ยว" เป็นภาพเปรียบเทียบ "ไร่นา" หมายถึงคนที่ไม่ใช่คนยิวหรือคนต่างชาติ คำว่า "พร้อมเก็บเกี่ยว" หมายถึงคนต่างชาตินั้นพร้อมแล้วที่จะรับพระวจนะจากพระเยซู เหมือนกับไร่นาที่พร้อมแก่การเก็บเกี่ยว คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "จงมองและดูคนต่างชาติเหล่านี้ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะรับเอาคำของเรา เหมือนกับพืชผลในไร่นาที่พร้อมให้คนมาเก็บเกี่ยว" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_metaphor)
พระเยซูกำลังบอกว่ามีรางวัลสำหรับผู้ที่ "ทำงานในไร่นา"และแบ่งปันพระวจนะของพระองค์ ผู้ที่รับเอาคำของพระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร์ที่พระเจ้ามอบให้
พระเยซูยังคงสนทนาอยู่กับเหล่าสาวกของพระองค์
คำว่่า "หว่าน" และ "เกี่ยว" เป็นภาพเปรียบเทียบ คนที่ "หว่าน" คือแบ่งปันพระวจนะของพระเยซู คนที่ "เกี่ยว" คือช่วยคนให้ได้รับพระวจนะของพระเยซู คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "คนหนึ่งปลูกเมล็ด และอีกคนเก็บเกี่ยวผลผลิต" (ดูที: :en:ta:vol1:translate:figs_metaphor)
สรรพนามสะท้อน "ท่านเอง" เน้นคำว่า "ท่าน" แปลคำนี้ตามภาษาของท่านที่เน้นบุคคลนั้น (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_rpronouns)
การ "เชื่อใน" บางคนหมายถึงการ "ไว้ใจ" ในคนนั้น ในที่นี้ยังหมายถึงว่าพวกเขาได้เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า
นี่เป็นการกล่าวเกินความจริง หญิงคนนี้ประทับใจที่พระเยซูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระองค์ได้บอกฉันหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของฉัน" (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_hyperbole)
คำว่า "คำตรัส" เป็นคำที่ใช้แทนคำอื่นหมายถึงพระวจนะที่พระเยซูได้ประกาศ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระวจนะของพระองค์" (ดูที่: :en:ta:vol2;translate:figs_metonymy)
คำว่า "โลก" เป็นคำที่ใช้แทนคำอื่นหมายถึงทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "คนทั้งหมดในโลกนี้" (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_metonymy)
พระเยซูเสด็จไปยังแคว้นกาลิลีและรักษาเด็กชายคนหนึ่ง ข้อ 44 ให้ข้อมูลเบื้องหลังแก่เราเกี่ยวกับบางสิ่งที่พระเยซูได้พูดไปก่อนหน้านี้ (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:writing_background)
สรรพนามสะท้อน "พระเยซูเอง" ได้เพิ่มความสำคัญว่าพระเยซูได้ "ประกาศ" หรือตรัสเช่นนี้.. ท่านสามารถแปลในภาษาของท่านในแบบที่ให้ความสำคัญบุคคลนั้น (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_rpronouns)
"ผู้คนไม่แสดงความเคารพนับถือหรือให้เกียรติแก่ผู้เผยพระวจนะในบ้านเกิดเมืองนอนของเขา" หรือ "ผู้เผยพระวจนะไม่ได้รับความเคารพในชุมชนของเขาเอง"
"ที่งานเทศกาลปัสกา"
"จากแคว้นยูเดีย"
"บางคนที่ทำงานให้กับกษัตริย์"
"กำลังจะตาย" (ดูที่: :en:ta:vol1:translate:figs_idiom)
"จนกว่า...ไม่เชื่อ" ในที่นี้เป็นประโยคปฏิเสธที่ซ้อนกัน ในบางภาษาจะเป็นธรรมชาติมากกว่าหากจะแปลคำกล่าวนี้ในรูปประโยคบอกได้ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ท่านจะเชื่อถ้าได้เห็นการอัศจรรย์" (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_doublenegatives)
คำว่า "คำพูด" เป็นคำที่ใช้แทนคำอื่นที่บ่องบอกถึงคำที่พระเยซูได้ตรัสออกมา คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เชื่อในคำกล่าว" (ดูที่: :en:ta:vol2:translate:figs_metonymy)
คำนี้ใช้เพื่อทำเครื่องหมายระหว่างสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่ข้าราชการคนนั้นกำลังกลับไปที่บ้าน บ่าวของเขาก็มาหาเขาที่ถนนนั้น
สรรพนามสะท้อน "ทั้งเขา" ใช้ในที่นี้เพื่อเน้นคำว่า "เขา" ถ้าท่านมีรูปแบบการแปลในภาษาของท่านเอง ท่านสามารถพิจารณาเลือกใช้ได้
การอัศจรรย์ก็สามารถเรียกอีกอย่างว่า "หมายสำคัญ" เพราะว่าทั้งสองคำก็ใช้เพื่อบ่งบอกหรือเป็นการยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยฤทธานุภาพ ผู้ที่มีอำนาจทั้งปวงเหนือจักรวาล