ยอห์นยังคงเขียนบอกเล่าต่อเกี่ยวกับการสามัคคีธรรมซึ่งเป็นไปได้เพราะมีองค์พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ที่ช่วยแทรกแซงระหว่างบรรดาผู้เชื่อกับพระเจ้าพระบิดา
คำว่า "เรา" ในที่นี้หมายถึงยอห์นและบรรดาผู้เชื่อ ส่วนคำว่า "พระองค์" หรือ "ของพระองค์" นั้นหมายถึงพระเจ้าพระบิดาหรือองค์พระเยซู (ดูที่: figs_inclusive)
ยอห์นนั้นเป็นคนมีอายุและยังเป็นผู้นำของพวกเขาด้วย ยอห์นใช้คำเรียกดังกล่าวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของเขาที่มีต่อพวกเขา คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ลูกที่รักของข้าพเจ้าในพระคริสต์" หรือ "ท่านเป็นที่รักของข้าพเจ้าเสมือนกับเป็นลูกแท้ๆของข้าพเจ้า" (ดูที่: figs_metaphor)
"ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนี้"
"แต่มีผู้ใดทำบาป" แสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต
ภาษาอังกฤษใช้ว่า "an advocate with the Father" คำว่า "advocate" ในภาษาอังกฤษหมายถึงพระเยซู คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ผู้ซึ่งตรัสกับพระบิดาเจ้าแทนเราและทรงทูลขอการอภัยให้แก่เรา" (ดูที่: figs_explicit)
"พระองค์ทรงสละพระชนม์ของพระองค์เองเพื่อเรา และด้วยเหตุนี้เององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงอภัยบาปเรา"
"หากเรากระทำตามที่พระองค์ทรงบอกเราให้กระทำ เมื่อนั้นเราจึงแน่ใจได้ว่าเรามีสัมพันธภาพอันดีกับพระองค์"
"เรามีสัมพันธภาพกับพระองค์"
"ใครก็ตามที่กล่าวว่า" หรือ "คนที่กล่าวว่า"
"ข้าพเจ้ามีสัมพันธภาพที่ดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้า"
"ไม่ได้ทำตาม" หรือ "ไม่เชื่อฟัง"
"สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกให้เขากระทำ"
คำว่า "ความจริง" ได้รับการเปรียบเทียบเสมือนกับเป็นสิ่งที่จับต้องได้ที่สามารถบรรจุลงไปในตัวของบรรดาผู้เชื่อ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เขาไม่ได้เชื่อว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสนั้นเป็นความจริง" (ดูที่: figs_metaphor)
"กระทำ" หรือ "เชื่อฟัง"
"สิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสให้เขากระทำตาม"
มีความหมายที่เป็นไปได้คือ 1) "ความรักที่เรามีให้กับพระเจ้า" 2) "ความรักของพระเจ้าที่มีให้กับเรา"
ประโยคนี้สามารถอยู่ในรูปประโยคมีประธานเป็นผู้กระทำ (ให้ประธานเป็นผู้กระทำของประโยค) คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระเจ้าทรงกระทำให้ความรักของพระองค์สมบูรณ์ในคนนั้น" หรือ "แน่นอนทีเดียว ผู้ซึ่งเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้านั้นก็เป็นคนที่รักพระเจ้าในทุกๆทาง" หรือ "ความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีให้แก่คนทั้งหลายสำเร็จเมื่อพวกเขาได้กระทำตามที่พระองค์ทรงบอกให้เขากระทำ" (ดูที่: figs_activepassive)
วลีที่ว่า "เราอยู่ในพระองค์" หมายความว่าผู้เชื่อจะเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอหรือมีสัมพันธภาพที่ต่อเนื่องกับองค์พระผู้เป็นเจ้า บ่อยครั้งใน 1 ยอห์นจะปรากฎคำว่า "ดำรงอยู่ในพระองค์" ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน สามารถคำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เมื่อเราเชื่อฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกนั้น เราก็มั่นใจได้ว่าเรามีสัมพันธภาพกับพระองค์" (ดูที่: figs_metaphor)
"มีสัมพันธภาพกับองค์พระผู้เป็นเจ้า"
มีการเปรียบเทียบ 'การประพฤติตน' ว่าเสมือนกับการเดิน คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ต้องดำเนินชีวิตเหมือนอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงเคยดำเนินชีวิต" หรือ "ควรเชื่อฟังพระเจ้าเช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงกระทำ" (ดูที่: figs_metaphor)
ยอห์นได้บอกถึงหลักการพื้นฐานของการสามัคคีธรรม นั่นคือความเชื่อฟังกับความรักนั่นเอง
"ท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้ารัก" หรือ "สหายที่รัก"
"ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านให้ท่านรักผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งใหม่แต่เป็นบัญญัติเก่าซึ่งท่านเคยได้ยินมาแล้ว" ยอห์นหมายถึงพระบัญญัติของพระเยซูที่พระองค์ตรัสให้รักกันและกัน
คำว่า "ตั้งแต่เริ่มแรก" หมายถึงตอนที่พวกเขาตัดสินใจที่จะติดตามองค์พระเยซูคริสต์ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เมื่อตอนที่ท่านเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เป็นครั้งแรก" (ดูที่: figs_explicit)
"แต่โดยอีกนัยหนึ่งแล้ว บัญญัติที่ข้าพเจ้าเขียนให้ท่านนั้นก็เป็นบัญญัติใหม่"
คำว่า "ใน" ในที่นี้หมายถึง "เนื่องจาก" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ซึ่งเป็นจริงได้เนื่องจากสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงกระทำรวมไปถึงสิ่งที่ท่านทำด้วย"
คำว่า "ความมืด" หมายถึงความชั่วร้าย ส่วน "แสง" นั้นหมายถึงความดี คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เพราะท่านกำลังเลิกทำสิ่งชั่วร้ายและจะกระทำสิ่งที่ดีมากขึ้นและมากขึ้น" (ดูที่: figs_metaphor)
คำว่า "พี่น้อง" ในที่นี้หมายถึงพี่น้องคริสเตียน
"ใครก็ตามที่กล่าวว่า" หรือ "ผู้ที่อ้างว่า" ข้อความดังกล่าวไม่ได้หมายถึงคนใดคนหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง
ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงภาพของการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่ใครทำสิ่งที่ถูกต้อง ผู้นั้นจะทำสิ่งดังกล่าวในความสว่างไม่กระทำอย่างหลบซ่อนในความมืดคำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง" (ดูที่: figs_metaphor)
"ไม่มีอะไรที่จะเป็นเหตุให้เขาสะดุดได้" คำว่า "สะดุด" เป็นคำอุปมาหมายถึงการล้มลงทางจิตวิญญาณหรือศีลธรรม คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาทำบาปได้" หรือ "เขาจะไม่ล้มเหลวในการทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า" (ดูที่: figs_metaphor)
มีการใช้ข้อความดังกล่าวถึงสองครั้งด้วยกันเพื่อเน้นให้เห็นว่าการที่เกลียดชังพี่น้องผู้เชื่อด้วยกันนั้นเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเพียงใด คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด" หรือ "ดำเนินชีวิตอยู่ในความมืดแห่งความบาป" (ดูที่: figs_parallelism)
เป็นภาพของผู้เชื่อที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตแบบที่คริสเตียนควรดำเนินชีวิต" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งชั่วร้าย" (ดูที่: figs_metaphor)
เป็นภาพของผู้เชื่อที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตแบบที่คริสเตียนควรดำเนินชีวิต" คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งชั่วร้าย" (ดูที่: figs_metaphor)
"ความมืดทำให้เขาไม่สามารถเห็นได้" ความมืดเป็นคำอุปมาหมายถึงความบาปหรือสิ่งชั่วร้าย คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ความบาปทำให้เขาไม่สามารถเข้าใจความจริงได้เลย" (ดูที่: figs_metaphor)
ยอห์นอธิบายว่าเหตุใดเขาจึงเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงกลุ่มคนที่แตกต่างกันทั้งอายุ หรือการเติบโตฝ่ายวิญญาณที่แตกต่างกัน ควรใช้คำที่มีความคล้ายกันในข้อความที่ปรากฎในพระธรรมข้อนี้ เนื่องจากพระธรรมดังกล่าวมีแนวการเขียนแบบบทกลอน
ยอห์นนั้นเป็นคนมีอายุและยังเป็นผู้นำของพวกเขาด้วย ยอห์นใช้คำเรียกดังกล่าวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของเขาที่มีต่อพวกเขา คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ลูกที่รักของข้าพเจ้าในพระคริสต์" หรือ "ท่านเป็นที่รักของข้าพเจ้าเสมือนกับเป็นลูกแท้ๆ ของข้าพเจ้า" ดูที่เคยแปลไว้ใน 1 ยอห์น 2:1 (ดูที่: figs_metaphor)
ประโยคนี้สามารถอยู่ในรูปประโยคที่มีประธานเป็นผู้กระทำ (ให้ประธานเป็นผู้กระทำของประโยค) คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระเจ้าทรงอภัยบาปของท่าน" (ดูที่: figs_activepassive)
คำว่า "พระนามของพระองค์" หมายถึงองค์พระเยซูคริสต์และผู้ซึ่งพระองค์ทรงเป็น คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "เนื่องจากสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงกระทำให้แก่ท่าน" (ดูที่: figs_metonymy)
"ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา" อาจเป็นคำอุปมาหมายถึงผู้เชื่อที่มีความเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านผู้ซึ่งมีความเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ" (ดูที่: figs_metaphor)
"ท่านมีสัมพันธภาพกับ"
"ผู้ซึ่งดำรงอยู่ก่อนแล้ว" หรือ "ผู้ซึ่งดำรงอยู่มาเสมอมา" หมายถึง "พระเยซู" หรือ "องค์พระเจ้าพระบิดา"
เป็นไปได้ว่าหมายถึงผู้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้เชื่อใหม่อีกต่อไป แต่เป็นผู้เชื่อที่กำลังเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "บรรดาผู้เชื่อหนุ่มสาวทั้งหลาย" (ดูที่: figs_metaphor)
คำว่า "มีกำลังมาก" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงพละกำลังทางด้านร่างกายของบรรดาผู้เชื่อ แต่หมายถึงความสัตย์ซื่อของพวกเขาที่มีต่อองค์พระเยซูคริสต์ (ดูที่: figs_metaphor)
ผู้เขียนได้เปรียบเทียบความสัตย์ซื่อต่อองค์พระเยซูคริสต์ที่เพิ่มมากขึ้นของผู้เชื่อและความรู้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นเสมือนกับพระวจนะของพระเจ้าที่ดำรงอยู่ในตัวของบรรดาผู้เชื่อคำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ท่านทั้งหลายรู้จักพระวจนะของพระเจ้า" (ดูที่: figs_metaphor)
ผู้เขียนได้เปรียบเทียบว่าการที่บรรดาผู้เชื่อได้ปฏิเสธการติดตามมารซาตานและการทำลายแผนการของมันนั้นเป็นเสมือนกับการมีชัยชนะเหนือมารร้าย (ดูที่: figs_metaphor)
ในยอห์นบทที่ 2:15-17 นั้นคำว่า "โลก" หมายถึงสิ่งที่ผู้คนอยากทำแต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "อย่าประพฤติเหมือนคนในโลกนี้ซึ่งไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า" (ดูที่: figs_metonymy)
"และอย่าต้องการสิ่งใดซึ่งเหมือนกับคนที่ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าต้องการ"
คนๆ หนึ่งนั้นไม่สามารถรักโลกนี้และสิ่งที่ไม่เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าและพระบิดาพร้อมกันได้ (ดูที่: figs_metaphor)
"เขาไม่ได้รักพระบิดา"
สิ่งข้างต้นคือตัวอย่างของสิ่งของบนโลกนี้ ซึ่งเป็นความหมายของวลีที่ว่า "ทุกสิ่งที่อยู่ในโลก" (ดูที่: figs_metonymy)
"ความปราถนาอันแรงกล้าในด้านความพึงพอใจฝ่ายเนื้อหนังที่เป็นความบาป"
"ความปราถนาอันแรงกล้าที่จะได้ในสิ่งซึ่งเรามองเห็น"
"ความหยิ่งในชีวิต" ซึ่งบ่งบอกอย่างเป็นนัยๆ ซึ่งอาจหมายถึงสิ่งของและทัศนะคติ "โอ้อวดในสิ่งที่คนๆ นั้นมีหรือทำ" หรือ "ความรู้สึกหยิ่งหรือภาคภูมิใจที่คนรู้สึกเนื่องจากสิ่งของที่มีหรือสิ่งที่ตนได้ทำ"
คำว่าชีวิตในบริบทนี้อาจหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่ผู้คนมีเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ทรัพย์สมบัติ ความั่งคั่ง หรือทัศนคติก็ตาม
"ไม่ได้มาจากพระบิดา" หรือ "ไม่ใช่วิธีที่พระบิดาทรงสอนให้เราดำเนินชีวิต"
"กำลังตายไป" หรือ "ซึ่งวันหนึ่งก็จะหายไป"
ยอห์นได้กล่าวเตือนบรรดาผู้เป็นปฏิปักษ์กับองค์พระคริสต์
"คริสเตียนที่ยังไม่โต" ดูที่เคยแปลไว้ใน ยอห์น 2:1
คำว่า "วาระสุดท้าย" หมายถึงเวลาสั้นๆ ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "พระเยซูจะเสด็จกลับมาในเร็ววันนี้" (ดูที่: figs_metonymy)
"มีผู้คนมากมายที่ต่อต้านองค์พระเยซูคริสต์"
"และด้วยเหตุนี้เองเราจึงรู้ว่า" หรือ "และเพราะมีปฏิปักษ์พระคริสต์เกิดขึ้นมากมาย เราจึงรู้ว่า"
"พวกเขาจากเราไป"
"อย่างไรก็แล้วแต่พวกเขาไม่ได้เป็นของเราจริงๆ" หรือ "พวกเขาไม่ได้เป็นพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งนั้นเพราะว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์
"เรารู้สิ่งนี้ได้เพราะพวกเขาคงไม่จากเราไปถ้าพวกเขาเป็นผู้เชื่อจริงๆ"
คำว่า "เจิม" ในภาคพันธสัญญาเก่านั้นหมายถึงการชะโลมย้ำมันลงบนผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อตั้งให้ผู้นั้นรับใช้พระเจ้า
"แต่องค์บริสุทธิ์ก็ได้เจิมท่านไว้แล้ว" คำว่า "เจิม" ในที่นี้หมายถึงการที่พระเยซูประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่บรรดาผู้เชื่อเพื่อแยกคนเหล่านั้นออกมาให้รับใช้พระเจ้า คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "แต่องค์พระเยซูคริสต์องค์ผู้บริสุทธิ์ได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่ท่านแล้ว" (ดูที่: figs_metaphor and figs_abstractnouns)
ในบริบทนี้นั้นการมุสาได้รับการเปรียบเทียบเหมือนกับว่าเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ "ไม่มีคำมุสาใดที่มาจากพระเจ้าผู้ซึ่งเที่ยงแท้" (ดูที่: figs_abstractnouns)
"ใครคือผู้มุสา ใครก็ตามที่ปฏิเสธว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ" ยอห์นเขียนในรูปประโยคคำถามเพื่อเน้นให้เห็นว่าใครคือผู้มุสา (ดูที่: figs_rquestion)
"ปฏิเสธที่จะกล่าวว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์" หรือ "กล่าวว่าพระเยซูไม่ใช่พระเมสสิยาห์"
"ปฏิเสธที่จะกล่าวความจริงเกี่ยวกับพระบิดาและพระบุตร" หรือ "ไม่ยอมรับพระบิดาและพระบุตร"
สองคำนี้ที่บ่งบอกถึงฐานะเป็นคำสำคัญซึ่งสามารถใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างองค์พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ได้ (ดูที่: guidelines_sonofgodprinciples)
"เป็นของพระบิดา"
"กล่าวความจริงเกี่ยวกับพระบุตร"
"เป็นของพระบิดา"
ยอห์นย้ำเตือนบรรดาผู้เชื่อให้ดำเนินหรือรักษาในสิ่งที่พวกเขาได้ยินมาตั้งแต่แรกเริ่ม
คำว่า "ท่าน" ในที่นี้อยู่ในรูปของพหูพจน์หมายถึงบรรดาคนที่ยอห์นเขียนถึงรวมไปที่บรรดาผู้เชื่อด้วย ส่วนคำว่า "พระองค์" เป็นคำที่ใช้เน้นประธานซึ่งหมายถึงพระเยซูคริสต์ (ดูที่: figs_you)
"จงจดจำและเชื่อในสิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้น" อย่างไรก็แล้วแต่ วิธีการที่พวกเขาได้ยิน สิ่งที่พวกเขาได้ยิน รวมไปถึงความหมายของคำว่า "ตั้งแต่ต้น" นั้นสามารถแปลออกมาให้ความหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงคำแปลอีกอย่างหนึ่ง "จงวางใจในสิ่งที่ท่านได้รับการสั่งสอนในเรื่องพระเยซูต่อไปให้เหมือนกับครั้งแรกที่ท่านวางใจเมื่อท่านได้มาเป็นผู้เชื่อ" (ดูที่: figs_explicit)
"สิ่งที่เราสอนท่านเกี่ยวกับพระเยซูเมื่อครั้งที่ท่านได้มาเป็นผู้เชื่อครั้งแรก"
คำว่า "ดำรงอยู่" นั้นเป็นคำที่บ่งบอกให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ ไม่ได้หมายถึงการช่วยให้รอด "ถ้าท่านยังคงวางใจต่อไปในสิ่งที่เราสอนท่านในตอนแรกนั้น"
"มีสัมพันธภาพกับพระบุตรและพระบิดาด้วย" ดูที่เคยแปลไว้ใน 1 ยอห์น 2:6
"และนี้คือพระสัญญาที่พระองค์ทรงมอบไว้แก่เรา นั่นคือชีวิตนิรันดร์" หรือ "และพระองค์ได้ทรงสัญญาเพื่อให้เราได้มีชีวิตนิรันดร์"
คำว่า "ชีวิต" ที่ใช้ตลอดพระธรรมฉบับนี้นั้นมีความหมายมากกว่าความหมายเชิงกายภาพ แต่หมายถึงพระเยซูผู้ซึ่งเป็นชีวิตนิรันดร์ ดูที่เคยแปลไว้ใน 1 ยอห์น 1:1 (ดูที่: figs_metonymy)
การโน้นน้าวให้ผู้ใดผู้หนึ่งไม่เชื่อฟังพระเจ้าได้รับการเปรียบเทียบเสมือนกับการนำให้คนใดคนหนึ่งออกไปจากทางเดินที่ถูกต้อง (ดูที่: figs_metaphor)
เริ่มจากข้อที่ 29 เป็นต้นมานั้น ยอห์นได้กล่าวถึงการบังเกิดใหม่ในครอบครัวของพระเจ้า ส่วนข้อพระธรรมก่อนหน้านี้นั้นแสดงให้เห็นว่าผู้เชื่อยังคงที่จะทำบาปอยู่
คำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายอห์นกำลังบอกกับพวกเขาควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรในฐานะผู้ติดตามพระเยซูคริสต์แทนการติดตามคนเหล่านั้นที่ต่อต้านพระเยซูคริสต์
หมายถึง "พระวิญญาณของพระเจ้า" ให้กลับไปดูคำอธิบายเกี่ยวกับการเจิมใน 1 ยอห์น 2:20
"เพราะว่าการเจิมของพระองค์ได้สอนท่าน"
คำดังกล่าวเป็นการกล่าวเชิง "อติพจน์" (ซึ่งหมายถึงการกล่าวเกินจริง ซึ่งเป็นความรู้สึกหรือความคิดของผู้กล่าวที่ต้องการย้ำความหมาย ให้ผู้ฟังรู้สึกว่าหนักแน่นจริงจัง เน้นความรู้สึกให้เด่นชัดและน่าสนใจ) คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ทุกสิ่งที่ท่านต้องการจะรู้" (ดูที่: figs_hyperbole)
"จงมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์" ดูที่เคยแปลไว้ใน 1 ยอห์น 2:4 การที่คนๆ หนึ่งจะตั้งมั่นคงอยู่ได้หมายถึงการมีสามัคคีธรรมและความมีสัมพันธภาพ (ดูที่: figs_explicit)
ผู้เขียนใช้คำนี้เพื่อบ่งบอกว่ากำลังจะโยงเข้าสู่เรื่องใหม่ในจดหมายฉบับเดียวกันนี้
ยอห์นเป็นผู้อาวุโสและเป็นผู้นำของพวกเขา ยอห์นได้ใช้คำดังกล่าวเพื่อแสดงความรักต่อพวกเขา คำแปลอีกอย่างหนึ่ง "ลูกในพระคริสต์ที่รักทั้งหลาย" หรือ "ท่านทั้งหลายผู้เป็นเสมือนกับลูกที่รักของเรา" ดูที่เคยแปลไว้ใน 1 ยอห์น 2:1 (ดูที่: figs_metaphor)
"เราเห็นพระองค์"
"มั่นใจ"
"เมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง"
"ได้บังเกิดในพระองค์" หรือ "เป็นลูกของพระเจ้า"