พระยาห์เวห์ได้ตรัสให้เอลียาห์บอกอาหับว่าพระองค์จะทรงส่งฝนมาบนแผ่นดิน
พระยาห์เวห์ได้ตรัสให้เอลียาห์บอกอาหับว่าพระองค์จะทรงส่งฝนมาบนแผ่นดิน
โอบาดีห์ได้ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์โดยการซ่อนตัวพวกผู้เผยพระวจนะหนึ่งร้อยคนโดยให้ห้าสิบคนอยู่ในหนึ่งถ้ำและเลี้ยงดูพวกเขาด้วยอาหารและน้ำ
โอบาดีห์ได้ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์โดยการซ่อนตัวพวกผู้เผยพระวจนะหนึ่งร้อยคนโดยให้ห้าสิบคนอยู่ในหนึ่งถ้ำและเลี้ยงดูพวกเขาด้วยอาหารและน้ำ
อาหับและโอบาดีห์ได้กำลังเสาะหาน้ำและหญ้าเพื่อพวกเขาจะไม่สูญเสียทั้งพวกม้าและพวกล่อ
อาหับและโอบาดีห์ได้กำลังเสาะหาน้ำและหญ้าเพื่อพวกเขาจะไม่สูญเสียทั้งพวกม้าและพวกล่อ
เอลียาห์ได้ร้องขอให้โอบาดีห์ไปทูลอาหับว่า "เอลียาห์อยู่ที่นี่"
เอลียาห์ได้ร้องขอให้โอบาดีห์ไปทูลอาหับว่า "เอลียาห์อยู่ที่นี่"
โอบาดีห์ไม่ได้เต็มใจไปทูลอาหับว่า "เอลียาห์อยู่ที่นี่" เพราะบรรดาประชาชาติที่อยู่ใกล้ทั้งหมดได้สาบานไว้ว่าเอลียาห์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
โอบาดีห์ไม่ได้เต็มใจไปทูลอาหับว่า "เอลียาห์อยู่ที่นี่" เพราะบรรดาประชาชาติที่อยู่ใกล้ทั้งหมดได้สาบานไว้ว่าเอลียาห์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
โอบาดีห์ไม่ได้เต็มใจไปทูลอาหับว่า "เอลียาห์อยู่ที่นี่" เพราะบรรดาประชาชาติที่อยู่ใกล้ทั้งหมดได้สาบานไว้ว่าเอลียาห์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
โอบาดีห์ได้คิดว่าพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะได้ทรงรับตัวเอลียาห์ไปยังสถานที่บางแห่งที่โอบาดีห์ไม่ได้รู้
เอลียาห์ได้บอกโอบาดีห์ว่าตราบที่พระยาห์เวห์ยังทรงพระชนม์อยู่ เขาจะได้ปรากฎตัวต่ออาหับในวันนั้นอย่างแน่นอน
เอลียาห์ได้บอกโอบาดีห์ว่าตราบที่พระยาห์เวห์ยังทรงพระชนม์อยู่ เขาจะได้ปรากฎตัวต่ออาหับในวันนั้นอย่างแน่นอน
อาหับได้ทรงเรียกเอลียาห์ว่า "ผู้นำความเดือดร้อน" เมื่อพระองค์ได้ทรงพบเขา
อาหับได้ทรงเรียกเอลียาห์ว่า "ผู้สร้างความเดือดร้อน" เมื่อพระองค์ทรงพบเขา
เอลียาห์ได้ทูลต่ออาหับว่าพระองค์และราชวงศ์ของพระราชบิดาของพระองค์ที่เป็นผู้สร้างความเดือดร้อนเพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งพระบัญญัติทั้งหลายของพระยาห์เวห์เพื่อไปติดตามรูปเคารพทั้งหลายของพระบาอัล
เอลียาห์ได้บอกให้ประชาชนอิสราเอลทั้งหมดมารวมชุมนุมกันพร้อมกับพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล 450 คนและพวกผู้เผยพระวจนะของเจ้าแม่อาเชราห์สี่ร้อยคนที่กินอาหารที่โต๊ะของเยเซเบล
เอลียาห์ได้บอกกับประชาชนให้ติดตามพระยาห์เวห์ถ้าหากพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าหรือพระบาอัลถ้าหากพระบาอัลเป็นพระเจ้า
เอลียาห์ได้ยื่นข้อเสนอว่าพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลและเขาเองต่างจะร้องเรียกพระเจ้าของพวกเขาเพื่อส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชาเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นพระเจ้า
เอลียาห์ได้ยื่นข้อเสนอว่าพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลและเขาเองต่างจะร้องเรียกพระเจ้าของพวกเขาเพื่อส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชาเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นพระเจ้า
เอลียาห์ได้ยื่นข้อเสนอว่าพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลและเขาเองต่างจะร้องเรียกพระเจ้าของพวกเขาเพื่อส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชาเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นพระเจ้า
พวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลได้ร้องเรียกต่อพระบาอัลจากเวลาเช้าจนถึงเวลาเที่ยง
พวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลได้ร้องเรียกเสียงดังมากขึ้นและเฉือนตัวเองด้วยดาบทั้งหลายกับหอกทั้งหลาย
พวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลได้ส่งเสียงจนถึงเวลาเย็นที่เป็นเวลาถวายเครื่องบูชา
เอลียาห์ได้บูรณะแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ด้วยก้อนหินสิบสองก้อน
เอลียาห์ได้บูรณะแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ด้วยก้อนหินสิบสองก้อน
เอลียาห์ได้บูรณะแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ด้วยก้อนหินสิบสองก้อน
เอลียาห์ได้ขุดร่องรอบแท่นบูชาของพระยาห์เวห์
เอลียาห์ได้ให้ประชาชนเติมน้ำสี่เหยือกและเทลงบนเครื่องเผาบูชาและไม้ฟืนสามครั้ง
เอลียาห์ได้ให้ประชาชนเติมน้ำสี่เหยือกและเทลงบนเครื่องเผาบูชาและไม้ฟืนสามครั้ง
ประชาชนซบหน้าลงบนพื้นดินและพูดว่า "พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า"
ประชาชนซบหน้าลงบนพื้นดินและพูดว่า "พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า"
เอลียาห์ได้นำพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลลงไปที่ลำธารคีโชนและได้ฆ่าพวกเขา
หลังจากครั้งที่เจ็ด คนรับใช้ได้มองเห็นก้อนเมฆเล็กๆ เท่ากับฝ่ามือของผู้ชายคนหนึ่ง
หลังจากครั้งที่เจ็ด คนรับใช้ได้มองเห็นก้อนเมฆเล็กๆ เท่ากับฝ่ามือของผู้ชายคนหนึ่ง
เอลียาห์ได้บอกให้คนรับใช้ของเขาทูลอาหับให้ทรงเตรียมรถม้าศึกให้พร้อมและรีบลงไปก่อนที่ฝนจะได้หยุดพระองค์
เอลียาห์ได้คาดเอวทับเสื้อคลุมของเขาและได้วิ่งนำหน้าอาหับไปจนถึงทางเข้ายิสราเอล