69

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์รักพระองค์ ผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์

2 พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ทรงเป็นผู้ที่นำข้าพระองค์ไปสู่ความปลอดภัย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นโล่ของข้าพระองค์ เป็นเขาสัตว์แห่งความรอดของข้าพระองค์ และทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์ 3 ข้าพระองค์จะร้องเรียกพระยาห์เวห์ผู้ทรงสมควรรับการสรรเสริญ และข้าพระองค์จะรอดพ้นจากศัตรูของข้าพระองค์

4 สายใยแห่งความตายก็รายล้อมข้าพระองค์ และสายน้ำเชี่ยวแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพระองค์ 5 สายใยแห่งแดนมรณารายล้อมข้าพระองค์ บรรดาบ่วงแห่งความตายได้ดักข้าพระองค์ไว้

6 ในความทุกข์ใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ร้องทูลขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงฟังเสียงร้องของข้าพระองค์จากพระวิหารของพระองค์ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์ได้ไปถึงพระพักตร์ของพระองค์ เสียงร้องนั้นได้ไปถึงพระกรรณของพระองค์

7 แล้วแผ่นดินโลกก็ถูกเขย่าและสั่นสะท้าน รากฐานของภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะท้านและถูกเขย่าเพราะพระเจ้าทรงพระพิโรธ 8 ควันได้พลุ่งขึ้นจากพระนาสิกของพระองค์ และไฟได้พลุ่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ถ่านก็ติดเปลวไฟนั้น

9 พระองค์ได้ทรงเปิดฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา ความมืดทึบได้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ 10 พระองค์ได้ทรงขี่เครูบและเหาะไป พระองค์ทรงเหาะไปบนปีกของลม

11 พระองค์ทรงให้ความมืดและเมฆฝนหนาทึบในท้องฟ้าเป็นเพิงล้อมรอบพระองค์ 12 ลูกเห็บและถ่านเพลิงตกออกมาจากฟ้าแลบต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์

13 พระยาห์เวห์ทรงส่งเสียงดังสนั่นในฟ้าสวรรค์ พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดได้ดังลั่นออกมา 14 พระองค์ทรงได้ยิงลูกศรของพระองค์และทรงทำให้ศัตรูของพระองค์กระจัดกระจายไป ฟ้าแลบมากมายได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป

15 แล้วน้ำก็เปิดออกเป็นช่องให้เห็น พื้นของโลกถูกเปิดออกด้วยเสียงร้องเข้าสู่สงครามของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ด้วยลมปราณที่พวยพุ่งออกมาจากพระนาสิกของพระองค์

16 พระองค์ได้ทรงเอื้อมลงมาจากเบื้องบน พระองค์ได้ทรงจับข้าพระองค์ไว้พระองค์ได้ทรงดึงข้าพระองค์ออกมาจากน้ำเชี่ยวกราก 17 พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากศัตรูที่แข็งแกร่งของข้าพระองค์ จากบรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ เพราะว่าพวกเขาเข้มแข็งเกินไปสำหรับข้าพระองค์

18 พวกเขาได้ปะทะกับข้าพระองค์ในวันแห่งภัยพิบัติของข้าพระองค์ แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ค้ำจุนข้าพระองค์ 19 พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์เป็นอิสระในที่โล่งกว้าง พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดปรานข้าพระองค์

20 พระยาห์เวห์ได้ทรงประทานบำเหน็จรางวัลแก่ข้าพระองค์เพราะความชอบธรรมของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ให้กลับคืนเพราะมือของข้าพระองค์สะอาด 21 เพราะข้าพระองค์ได้รักษาทางของพระยาห์เวห์ไว้ และไม่หันจากพระเจ้าของข้าพระองค์ไปอย่างชั่วร้าย

22 เพราะคำตัดสินอันชอบธรรมทั้งสิ้นของพระองค์ได้อยู่ตรงหน้าข้าพระองค์ส่วนกฏเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่ได้หันหนีไปจากข้อเหล่านั้นเลย 23 ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่มีความผิดต่อพระพักตร์พระองค์ และข้าพระองค์ได้รักษาตัวเองให้ไกลจากความบาป 24 เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ได้ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ให้กลับคืนเพราะความชอบธรรมของข้าพระองค์ เพราะมือของข้าพระองค์สะอาดในสายพระเนตรของพระองค์

25 สำหรับผู้ที่ซื่อสัตย์นั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงซื่อสัตย์ สำหรับผู้ที่ไร้ที่ตินั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงไร้ที่ติ 26 สำหรับผู้ที่บริสุทธิ์นั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงบริสุทธิ์ แต่พระองค์ทรงฉลาดรู้ทันต่อผู้ที่คดโกง

27 เพราะพระองค์ทรงช่วยบรรดาคนที่ทุกข์ใจ แต่พระองค์ทรงดึงบรรดาคนที่โอ้อวดและตาที่หยิ่งยะโสให้ต่ำลงมา 28 เพราะพระองค์ประทานแสงสว่างแก่ตะเกียงของข้าพระองค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงทำให้ความมืดของข้าพระองค์สว่างขึ้น 29 เพราะโดยพระองค์ข้าพระองค์จึงสามารถวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางได้ โดยพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงสามารถกระโดดข้ามกำแพงได้

30 สำหรับพระเจ้าแล้ว ทางของพระองค์นั้นสมบูรณ์ พระวจนะของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์ 31 เพราะใครจะเป็นพระเจ้าได้เล่านอกจากพระยาห์เวห์? ใครจะเป็นพระศิลาได้เล่านอกจากพระเจ้าของเรา? 32 เป็นเพราะพระเจ้าผู้ทรงคาดกำลังให้แก่ข้าพระองค์ดุจดั่งคาดเข็มขัด ผู้ทรงวางคนไร้ที่ติบนเส้นทางของพระองค์

33 พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าพระองค์เร็วดุจดั่งกวางและวางข้าพระองค์ไว้บนที่สูง 34 พระองค์ทรงฝึกฝนให้มือของข้าพระองค์ทำสงคราม และให้แขนของข้าพระองค์โก่งธนูทองสัมฤทธิ์ได้

35 พระองค์ได้ประทานโล่แห่งความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์ มือขวาของพระองค์ได้ทรงค้ำจุนข้าพระองค์ไว้ และความโปรดปรานของพระองค์ได้ทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่ขึ้น 36 พระองค์ได้ทรงวางเท้าของข้าพระองค์ไว้บนที่กว้างเพื่อเท้าของข้าพระองค์จะไม่ลื่นไถล

37 ข้าพระองค์ไล่ตามศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์และจับพวกเขาไว้ได้ ข้าพระองค์ไม่ได้หันกลับจนกว่าพวกเขาถูกทำลาย 38 ข้าพระองค์ได้ทุบพวกเขาให้แหลกจนพวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ พวกเขาได้ล้มลงใต้เท้าของข้าพระองค์ 39 เพราะพระองค์ทรงคาดกำลังแก่ข้าพระองค์เหมือนคาดเข็มขัดสำหรับสงคราม พระองค์ทรงให้บรรดาคนที่ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์สยบอยู่ใต้ข้าพระองค์

40 พระองค์ทรงให้ศัตรูของข้าพระองค์หันหลังหนีข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำลายล้างบรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ 41 พวกเขาได้ร้องเรียกหาความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ พวกเขาได้ร้องเรียกพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ทรงตอบพวกเขา 42 ข้าพระองค์ทุบพวกเขาให้แหลกละเอียดเหมือนฝุ่นที่ถูกลมพัด ข้าพระองค์โยนพวกเขาทิ้งเหมือนโคลนตามถนน

43 พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากการโต้แย้งของประชาชน พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์เป็นหัวหน้าเหนือชนชาติต่างๆ ประชาชนที่ข้าพระองค์ไม่เคยรู้จักได้มารับใช้ข้าพระองค์ 44 ทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงข้าพระองค์ พวกเขาก็ได้ทำตามข้าพระองค์ พวกคนต่างด้าวก็ถูกบังคับให้ก้มลงต่อข้าพระองค์ 45 พวกคนต่างด้าวต่างตัวสั่นออกมาจากที่กำบังของพวกเขา

46 พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่ ขอให้พระศิลาของข้าพระองค์เป็นที่สรรเสริญ ขอพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์เป็นที่ยกย่อง 47 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้แก่ข้าพระองค์ ผู้ทรงปราบชนชาติต่างๆ ให้อยู่ใต้ข้าพระองค์

48 ข้าพระองค์เป็นอิสระจากศัตรูของข้าพระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ไว้เหนือผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากพวกคนโหดร้าย 49 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ

50 พระเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ คือแก่ดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์